เรามารับมือกับ ความเครียด กันเถอะ ว่าต้องทำอย่างไร

เรามารับมือกับ ความเครียด กันเถอะ ว่าต้องทำอย่างไร

เรามารับมือกับ ความเครียด กันเถอะ ว่าต้องทำอย่างไร

          ทุกคนล้วนมีปัญหาส่วนตัว มากน้อยแตกต่างกันไป ไม่ว่าปัญหานั้นจะใหญ่ หรือเล็ก ก็ล้วนแต่ส่งผลให้เกิดความเครียดได้ซึ่งเราเองก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า อาการ ที่มีสาเหตุจากทางใจนั้นก็สามารถกระทบถึงสุขภาพกายได้ อาที ความดันขึ้น หัวใจเต้นเร็ว ระบบการย่อยรวน ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง ปวดหัว ปวดท้อง ปวดหลัง เหนื่อยล้าโดยไม่รู้สาเหตุ นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย หดหู่ ควบคุมอารมณ์  ไม่อยู่ ขีดความอดทนต่ำ ขี้หลงขี้ลืม เป็นต้น

          ดังนั้น สิ่งที่ควรทำที่สุด ก็คือ อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเครียด พยายามกำจัดสิ่งนี้ออกไปจากชีวิต ซึ่งการลดความเครียดมีหลากหลายวิธี เช่น
   • ระบายออกมา ไม่ว่ากับเพื่อน กับครอบครัว หรือคนที่ไว้ใจ การแบ่งปันความ รู้สึกเป็นยาขนานเอก จึงมีคำพูดที่ว่า

 
“ A pleasure share is a pleasure double, a sorrow share is a sorrow half.”
 
          ปันสุขได้สุขมาหนึ่งเท่า ปันทุกข์ ทุกข์ลดไปครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่รู้จะระบายกับใคร ใช้วิธีพูดกับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองก็ช่วยได้เช่นกัน

   • วิธีเปลี่ยนทัศนคติและยอมรับความจริง โลกมีหลายมุม พยายามเลือกมองแต่   ด้านดี มีคำกล่าวว่า “ความสุขมิใช่การไม่มีปัญหา แต่คือความสามารถในการ   จัดการกับปัญหาเหล่านั้นต่างหาก”
   • การหัวเราะก็เป็นทางออกที่ไม่เลว ดังที่ ลิ้มไท้เพ้ง ตัวละครตัวหนึ่งจากเรื่อง วีรบุรุษเจ้าสำราญของโกวเล้งกล่าวไว้ “การหัวร่อ แม้มิอาจคลี่คลายปัญหา อย่างน้อยก็ไม่เพิ่มความยุ่งยากลำบากใจให้ หากท่านรู้จักใช้รอยยิ้มประจัญกับชีวิต มนุษย์ จะค่อยๆ พบว่าในใต้หล้า มิมีปัญหาที่คลี่คลายไม่ได้”
   • อย่าเลือกทางออกที่ผิดๆ เช่น หันหน้าเข้าหาเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด ช้อปกระจาย กินระเบิดเถิดเทิง สิ่งเหล่านี้อาจทำให้หายเครียดได้ชั่วคราว แต่ปัญหายังอยู่ จึง ควรแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ
   • เลือกทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น ออกกำลังกาย นอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรง ยังช่วยขจัดสารแห่งความเครียดออกไป และยังทำให้ภูมิคุ้มกันทางอารมณ์แข็งแกร่ง ขึ้นอีกด้วย หรือไปเป็นอาสาสมัครทำงานจิตอาสาในวันว่างไม่เพียงตาดีกับตัวเอง ยังเป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย

         นอกจากการเปลี่ยนวิถีชีวิตและแนวการคิดแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ อาหารการกิน อาหารบางอย่างเพิ่มความเครียด แต่ก็มีหลายอย่างที่ช่วยต้าน ความเครียดได้ มาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่ควรละเลียด และอะไรที่ควรเลี่ยง

         สำหรับประเภทที่ควรเลี่ยงนั้น ก็คงจะเป็นอาหารจำพวกแห้ง น้ำตาล เช่น เค้ก ไอศกรีม มันฝรั่ง ขนมขบเคี้ยวทั้งหลาย เพราะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด ผันผวน นำไปสู่การทำงานหนักของตับอ่อนในการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อเก็บ กวาดน้ำตาลเหล่านั้น เมื่อตับอ่อนเกิดอาการล้า ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงเมื่อนั้นความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานจะสูงข้น

         เช่นเดียวกันกับกาแฟ และอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน ก็ควรต้องเลี่ยง     ในยามปกติ กาเฟอีนมีประโยชน์ตรงช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ร่างกายตื่นตัว  และกระฉับกระเฉง แต่ในเวลาที่เราเครียด ร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมนเครียดออก   มาระดับหนึ่งแล้ว การเพิ่มกาเฟอีนในร่างกายจะยิ่งทำให้ระดับฮอร์โมนเครียดสูง ขึ้นอีก

   • เลี่ยงเกลือและอาหารที่มีรสเค็ม ความเครียดส่งผลให้ความดันเลือดในร่างกายสูงกว่าปกติอยู่แล้ว การรับประทานอาหารเค็มจะทำให้ร่างกายบวมน้ำ หัวใจ ทำงานหนัก.ในการสูบฉีดเลือด ผลคือความดันเลือดสูงกว่าเดิม 
   • เลี่ยงอาหารทอดและอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว เวลาที่เครียด มากๆ บ่อยครั้งที่เราจะรับประทานอาหารประชดชีวิต โดยที่ไม่สนว่าอาหารนั้นจะ ดีหรือเลวแค่ไหน อาหารอุดมด้วยไขมันมีข้อเสียมากมาย อ้วนหนึ่งละ และยังจะ เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจอีก
          
            ส่วนประเภทที่ควรรับประทานนั้น ก็คือ ผัก ผลไม้และอาหารที่มีไฟเบอร์สูง อาหารเหล่านี้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและทำให้ร่างกายต่อสู้กับความเครียด โดยเฉพาะ อาการเครียดแบบเรื้อรังได้ดี เวลาที่เราเครียด อาการอย่างหนึ่งที่มักมาควบคู่กัน คือ ท้องผูก เนื่องจากระบบการย่อยไม่ปกติ การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ เยอะจึงช่วยเรื่องนี้ด้วย
            หากจะรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต พยายามเลือกคาร์โบไฮเดรต เชิงซ้อนที่มีสารอาหารและไฟเบอร์สูงกว่าจำพวกแป้งขัดขาว เช่น แป้งโฮลวีต ธัญพืช รวมถึง ข้าวโพด มัน เผือก ลูกเดือย เป็นต้น อาหารในหมวดหมู่นี้นอกจาก จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อนข้างคงที่ ยังช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสาร Serotonin ที่ช่วยทำให้จิตใจสงบ 
            อย่างไรก็ดี ความเครียดถือเป็นบ่อเกิดของโรค อยากบอกว่าไม่มีใครไม่มี ปัญหา แต่จะรับมือกับปัญหาได้ดีแค่ไหน เป็นความสามารถเฉพาะบุคคล สุภาษิต เวลช์ว่าไว้ว่า

 
 “The best way to escape from a problem is to solve it.”

ทางออก ของปัญหาที่ดีที่สุด คือ การลงมือแก้ไขมัน

 
             ปัญหาในโลกนี้มีแค่ 2 ประเภท คือ ปัญหาที่แก้ไขได้ กับ ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ อันไหนที่เกินรับมือ แนะนำให้ทำใจ ปล่อยวาง แล้วหันมาดูแลตัวเอง อย่างน้อย  ก็เป็นทางที่ไม่ได้เพิ่มปัญหาให้ตัวเองและคนรอบกาย


credit หนังสือ THE FIRST WEALTH IS HEALTH กินดีอยู่ดี  
 
ผู้เขียน วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์ ผู้ให้สาระ และ ความรู้ที่น่าสนใจ

COPYRIGHT©2024 SIAMPILL ALL RIGHTS RESERVED.