มาทำความรู้จักกับ ป้าย FAT FREE LOW-FAT , ไม่มีน้ำตาล ที่คิดว่าดี อาจมีอะไรซ่อนอยู่
มาทำความรู้จักกับ ป้าย FAT FREE LOW-FAT , ไม่มีน้ำตาล ที่คิดว่าดี อาจมีอะไรซ่อนอยู่
ในสินค้าตามซูเปอร์มาร์เก็ต หรือ MINIMART บางทีเราไม่ได้จะซื้ออะไร แต่ก็เข้าไปเดินดูเพลิน ๆเล่น วันหนึ่งเห็นทางห้างนำเจลลี่หลากสีสันในแพ็จกเกจล่อตาล่อใจมากๆ วางอยู่ในกระบะลดราคา จึงได้หยิบขึ้นมาดู สะดุดตาคำว่า “Fat Free” ที่แปะอยู่หน้าซอง มันคืออะไร เลยอ่านฉลากอาหารว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง แล้วก็วางลงที่เดิม Fat Free คำ ๆ นี้มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้หลายคนโกยเจลลี่ใส่ตะกร้าไปจ่ายเงินได้เลย โดยหลงคิดว่าอาหาร “ปลอดไขมัน” คืออาหารที่ดีต่อสุขภาพเรา หากรับประทานแล้วคอเลสเตอรอลคงไม่พุ่ง
สินค้าอาหารหลายอย่าง มักดึงดูดผู้บริโภคด้วยถ้อยคำชวนเชื่อต่างๆ ให้คิดว่ามันเป็นของดีมีประโยชน์รับประทานแล้วดีต่อร่างกาย ตัวอย่างเช่นคำว่า Fat Free (ปลอดไขมัน) Low Fat (ไขมันต่ำ) Sugar Free (ปลอดน้ำตาล) No Added Sugar (ไม่มีน้ำตาลผสม) รวมไปถึงคำว่า Diet หรือ Zero แต่ถ้าหากเราลองอ่านฉลากอาหารจะเห็นว่ามันมีอะไรมากไปกว่านั้นเลย อย่างขนมหรือเจลลี่ที่บอกว่าปลอดไขมัน แต่ในความเป็นจริงมันอุดมด้วยน้ำตาลเลยทีเดียว แถมยังอาจแต่งกลิ่น แต่งสี แต่งรสเพื่อให้อร่อยขึ้นไปอีก หลายคนไม่เฉลียวใจว่าการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป จะสามารถทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงได้นะค่ะ ขณะที่สารเคมีที่ผสมในอาหารก็เป็นส่วนเกินที่ก่อพิษให้ร่างกายจ้า
เช่นเดียวกัน อาหาร ที่ระบุว่า Sugar Free หรือที่ระบุอะไรในทำนองนี้ ทำให้คนที่รังเกียจน้ำตาลกินดื่มได้สนิทปากได้ เพียงเพราะเข้าใจว่าไม่มีน้ำตาล แต่ดูให้ดี ๆ มันอาจมีคำว่า Artificial Sweetener หรือสารให้ความหวานหรือ Aspartame แผงอยู่ Aspartame ซึ่งเป็นสารหวานชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยังเป็นที่ถกกันถึงผลข้างเคียง ว่าเป็นตัวก่อมะเร็งหรือไม่ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด มาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่ลวงความเข้าใจของเราว่าน่าจะดีต่อสุขภาพนะค่ะ
เครื่องดื่มหรือน้ำอัดลมปลอดน้ำตาล นอกจากดับกระหายให้ความสดชื่นแล้ว น้ำอัดลมเองไม่ได้มีคุณประโยชน์อะไรต่อสุขภาพมากนัก นาน ๆ ดื่มทีไม่เป็นไร แต่ถ้าดื่มทุกวันหรือดื่มแทนน้ำเปล่าเลยเนี่ย ออกจะน่ากลัว ทั้งสารให้ความหวาน สารเคมีแต่งกลิ่น รสและสี เมื่อผสมผสานกันแล้วอาจกลายเป็นสูตรค็อกเทลก่อมะเร็งได้เลย แนะนำว่าให้ดื่มน้ำเปล่านั่นแหละดีที่สุดจ้า
น้ำผลไม้ ก็ดูเหมือนจะดีต่อสุขภาพแต่ก็ต้องรู้จักเลือก น้ำผลไม้บางยี่ห้อผสมน้ำตาลมากเกินไปค่ะ บางยี่ห้อแต่งกลิ่นสีและรส และบางยี่ห้ออาจเป็นน้ำผลไม้แท้ 100% ไม่ผสมน้ำตาลเลย แต่รู้ไหมว่า ผลไม้บางอย่างน้ำตาลสูงมากอยู่แล้ว ดื่มบ่อย ๆ ก็อ้วนได้เหมือนกันค่ะ น้ำผลไม้หากจะให้ดีคั้นเสร็จดื่มทันทีก่อนที่วิตามินซีจะละลายหายไปนะค่ะ จะให้ดีที่สุดรับประทานผลไม้เป็นลูกๆค่ะ น้ำตาลน้อยกว่าแบบคั้น แถมได้ไฟเบอร์ครบครันอีกด้วย
อาหารว่างเป็นซองๆ อย่างเช่น บรรดาถั่วต่างๆ และเมล็ดพืช อาทิเช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง พยายามเลือกแบบ อบแทนแบบทอดนะค่ะ ให้เลือกแบบไม่ปรุงรสแทนแบบโรยเกลือหรือคลุกน้ำตาล หรือคลุกช็อกโกแลต แบบทอดเราไม่สามารถหยั่งรู้ว่าน้ำมันที่ใช้ทอดเก่าหรือใหม่แค่ไหนได้เลย ส่วนเกลือ อาหารแต่ละมื้อมีเกลือมากพออยู่แล้ว รับประทานเยอะไปทำให้ความดันเลือดสูงอีก น้ำตาลเป็นตัวทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลงค่ะ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง
โยเกิร์ต อันนี้ดีต่อสุขภาพเนื่องจากมีโปรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ดี ที่มีประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหารค่ะ แต่โยเกิร์ตโดยทั่วไปมักแต่งเติมรสชาติโดยการ เพิ่มน้ำตาล เพิ่มรส เพิ่มกลิ่นเพื่อความอร่อย เจ้าน้ำตาลที่เพิ่มมา เท่ากับแคลอรีที่มากตามไปด้วยค่ะ ขณะที่สารปรุงแต่งทั้งหลายอาจจะสนองความอร่อยปากแต่เป็นของเกินความจำเป็นที่ร่างกายเราไม่ได้ต้องการค่ะ หากเลือกโยเกิร์ตคราวหน้า ลองมองหาโยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่ผสมน้ำตาลดู และทำให้อร่อยได้ด้วยการเติมถั่ว หรือธัญพืชและอาจจะเป็นผลไม้สด น้ำตาลจากผลไม้ช่วยเพิ่มรสชาติได้ หรือไม่ก็ผสมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยก็ได้ค่ะ เท่านี้ก็ได้คุณค่าทางโภชนาการ ที่สำคัญครบถ้วนแบบไม่ทำลายสุขภาพ แต่โยเกิร์ตควรแช่ในความเย็นต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสนะค่ะ ไม่เช่นนั้นแล้ว โปรไบโอติกในโยเกิร์ตจะไม่มีชีวิตเหลือรอดจ้า
ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง โดยปกตินั้น ในถั่วเหลืองจะมีไฟโตเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนเอสโตรเจน ในพืชที่ว่ากันว่าช่วยให้ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ มะเร็งเต้านม และลดอาการวัยทองในสตรีหมดประจำเดือนได้ แต่ถ้าหากฮอร์โมนไม่สมดุล ร่างกายเราได้รับเอสโตรเจนที่มากเกิน ในทางกลับกัน เอสโตรเจนอาจเป็นสาเหตุของมะเร็งได้เลยนะค่ะ ดังนั้น ผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกจึงควรที่จะเลี่ยงผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองเพื่อจะได้ไม่เป็นการกระตุ้นอาการจ้า
อาหารการกินเกี่ยวพันโดยตรงกับเรื่องสุขภาพ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคำพูดฮิตติดปากว่า “You are what you eat” กินอย่างไรก็ได้อย่างนั้น มีอาหารพะยี่ห้อเพื่อสุขภาพอีกมากมายเลยนะค่ะที่ทำให้เราเข้าใจผิดคิดว่าเป็นประโยชน์และไร้โทษโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะพวกอาหารแปรรูปหรืออาหารสำเร็จรูป แต่เราก็สามารถเลือกสรรได้ด้วยการอ่านฉลากอาหารให้ละเอียดก่อนนะค่ะ และใช้ดุลพินิจในการตัดสินว่าสิ่งใดสมควรหรือไม่สมควรนำเข้าปากค่ะ โดยหลักๆ แล้ว นั้นอาหารที่ดีต่อสุขภาพมักเป็นจำพวกผัก ผลไม้บวกกับอีกหลาย ๆ ปัจจัย อาทิเช่น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้ก็น่าจะโอเคระดับหนึ่งจ้า
credit หนังสือ THE FIRST WEALTH IS HEALTH กินดีอยู่ดี
ผู้เขียน วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์ ผู้ให้สาระ และ ความรู้ที่น่าสนใจ
COPYRIGHT©2024 SIAMPILL ALL RIGHTS RESERVED.