น้ำผลไม้ เพื่อสุขภาพ ดีจริงหรือ?
ผลพวงของการปลูกฝังความคิดค่ะ และอิทธิพลของสื่อโฆษณาทำให้ภาพลักษณ์ของน้ำผลไม้ในสายตาผู้บริโภคเป็นอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากการเป็น “น้ำเพื่อสุขภาพ”
ค่ะ แน่นอนว่าหากเทียบกับน้ำอัดลม น้ำหวานหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วนั้น น้ำผลไม้ย่อมมีประโยชน์กว่าอยู่แล้ว
ค่ะ แต่ทว่าเหรียญมีสองด้านฉันใด ทุกสิ่งอย่างย่อมมีทั้งคุณและโทษในตัวฉันนั้น น้ำผลไม้เองก็ไม่เว้น
ค่ะ
น้ำผลไม้ หากแบ่งกว้าง ๆ นั้นจะได้ 2 แบบ
ค่ะ คือ น้ำผลไม้คั้นสด
ค่ะ กับน้ำผลไม้เข้มข้น (Concentrated) ที่ต้องนำมาเจือจางก่อน
ค่ะ ทั้ง 2 แบบเมื่อผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมแล้ววิตามินต่าง ๆ
ค่ะ โดยเฉพาะวิตามินซีซึ่งสลายเร็วมากจะสูญหายไปสิ่งที่เหลืออยู่ก็แค่น้ำ น้ำตาล และรสชาติความอร่อย
ค่ะ น้ำผลไม้ หากต้องเลือกควรเป็นน้ำผลไม้คั้นสดที่ค้นแล้วต้องดื่มทันที
ค่ะ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานสารอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายก็จะหายไป
ค่ะ ส่วนน้ำผลไม้ที่คั้นใส่ขวดขายไม่อยากแนะนำ
ค่ะ เนื่องจากหลาย ๆ เจ้ามักเติมน้ำตาลและปรุงแต่งได้รสชาติถูกปากผู้บริโภค
ค่ะ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องความสะอาดถูกหลักอนามัย
ค่ะ วกกลับมาที่ประเด็นหลักที่อยากบอกกล่าว สิ่งที่น่ากลัวและพึงระวังในน้ำผลไม้ คือ “น้ำตาล”
ค่ะ แม้จะเป็นน้ำตาลธรรมชาติ (Fructose) ที่มีอยู่ในผลไม้เองก็เถอะ
ค่ะ แต่ถ้าบริโภคแบบไม่บันยะบันยัง ก็มีสิทธิ์จะทำให้ไขมันในเลือดพุ่งสูงได้
ค่ะ น้ำตาลก็คือ คาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง เมื่อเราบริโภคเกินความจำเป็นในการใช้งาน
ค่ะ น้ำตาลจะถูกแปรเป็นไกลโคเจนสะสมในตับและกล้ามเนื้อ
ค่ะ เพื่อเป็นพลังงานสำรอง แต่ตับของเรามีขีดจำกัด
ค่ะ ในการรองรับ น้ำตาลส่วนเกินที่เหลือจากการสะสมในรูปไกลโคเจนจึงถูกเปลี่ยนเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์แล้วล่องลอยในกระแสเลือด
ข้อมูลระบุน้ำผลไม้ 1 แก้ว (ประมาณ 240 ซีซี) มีน้ำตาลฟรุกโตสมากสุดถึง 8 ช้อนชาเลยทีเดียวจ้า ขณะที่อีกข้อมูลชี้น้ำส้ม 1 แก้วนั้น ให้พลังงาน 110 แคลอรี และไฟเบอร์ไม่ถึง 1 กรัม
ค่ะ ขณะที่ส้ม 1 ผลให้พลังงานประมาณ 85 แคลอรีและไฟเบอร์ 4 กรัม สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ความดันสูง และโรคอ้วนต้องระวังให้มาก ๆ นะค่ะ เนื่องจากน้ำผลไม้มีไฟเบอร์ต่ำ เมื่อดื่มเข้าไปร่างกายจะดูดซึมอย่างรวดเร็ว
ค่ะ จะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดผันผวนอย่างรวดเร็ว ตับอ่อนต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพื่อตามเก็บน้ำตาลเหล่านั้นเข้าไปไว้ที่เซลล์
ค่ะ
น้ำผลไม้จัดเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเพื่อสุขภาพได้
ค่ะ แต่ต้องจำกัดปริมาณที่ดื่มและหากเป็นไปได้ควรบริโภคควบคู่กับโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
ค่ะ (อาทิเช่น พวกธัญพืช และแป้งที่มีไฟเบอร์สูง) เพื่อให้น้ำตาลถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดช้า ๆ
ค่ะ หากเลือกได้ ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุดจ้า และรับประทานผลไม้สด ๆ จะดีกว่าได้ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ครบครัน
ค่ะ ไฟเบอร์หรือเส้นใยในอาหารนั้นจะช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ดูดซึมน้ำตาลไปใช้ ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นหรือลดลงเร็วเกินไปนักค่ะ แต่ถ้าชื่นชอบการดื่มน้ำผลไม้มากๆ แนะนำให้เลือกทางสายกลาง
ค่ะ คือ ดื่มแต่พอดีจะดีกว่า ที่เขาบอกว่า Too much of something is no good. นั้นมันจริงแท้แน่นอนจ้า
- Juice Lovers มีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะเกี่ยวกับการดื่มน้ำผลไม้แบบถนอมสุขภาพมาฝากจ้า สำหรับผูัที่รักการดื่มน้ำผลไม้
- ทำเป็นเครื่องดื่มสมูทตี้โดยปั่นน้ำผลไม้กับโยเกิร์ตรสธรรมชาติค่ะ หรือนำน้ำผลไม้ที่แช่แข็งแล้วผสมโยเกิร์ตปั่นให้เข้ากันแล้วเข้าช่องฟรีซทำเป็น Fruit Bars ก็ได้ โปรตีนจากโยเกิร์ตจะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลได้ค่ะ
- ผสมโซดากับน้ำผลไม้ในอัตราส่วน 2:1 ค่ะจะเป็นเครื่องดื่มให้ความหวานปะแล่ม เรียกความสดชื่นได้อย่างดี
- ดัดแปลงสูตรของน้ำสลัดโดยการผสมน้ำผลไม้แทนการใช้น้ำตาลค่ะ
- น้ำผลไม้มีความเป็นกรดอยุ่มาก การดื่มน้ำผลไม้บ่อย ๆ นั้นอาจกัดกร่อนผิว เคลือบฟันให้บางลงได้ค่ะ ดื่มน้ำผลไม้แล้วจึงควรดื่มน้ำเปล่าตามด้วยค่ะ
- อ่านฉลากข้างกล่องน้ำผลไม้ทุกครั้งค่ะ ศึกษาส่วนผสมอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงยี่ห้อที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงค่ะ
credit หนังสือ THE FIRST WEALTH IS HEALTH กินดีอยู่ดี
ผู้เขียน วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์ ผู้ให้สาระ และ ความรู้ที่น่าสนใจ