9 สุดยอดเทคนิค ที่จะช่วยให้ตื่นนอนอย่างสดใส ต้อนรับวันใหม่อย่างชื่นบาน

9 สุดยอดเทคนิค ที่จะช่วยให้ตื่นนอนอย่างสดใส ต้อนรับวันใหม่อย่างชื่นบาน

           มีใครบ้างที่กำลังประสบปัญหานอนเร็วเท่าไร พอตื่นมาก็ง่วงอยู่ดียกมือขึ้น

 9 สุดยอดเทคนิค  ที่จะช่วยให้ตื่นนอนอย่างสดใส ต้อนรับวันใหม่อย่างชื่นบาน
      

          ถ้าให้ผมทายคงจะมีหลาย ๆ คนที่กำลังประสบกับปัญหานี้อยู่แน่ ๆ เลยใช่ไหมครับ เพราะเรียกได้ว่าเจ้าปัญหาการตื่นนอนตอนเช้าแล้วรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น คงจะกลายเป็นปัญหาสามัญประจำตัวของผู้คนเกือบจะทั่วทั้งโลก
          แต่ระดับหมอท๊อปแล้ว จะไม่ปล่อยให้ปัญหานี้กวนใจผู้อ่านอีกต่อไปแน่นอนครับ เพราะในวันนี้เราจะพาไปดู
 

9 สุดยอดเทคนิคที่จะทำให้ท่านนั้นตื่นนอนตอนเช้าได้อย่างสดใส ต้อนรับวันใหม่พร้อมกับจิตใจที่ชื่นบาน
 
          ต้องขอแอบกระซิบนิดหนึ่งว่า ถ้าท่านทำได้แค่เพียง 5 ใน 9 เทคนิค ปัญหาการตื่นนอนของท่านก็จะหายไปมากกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว หรือถ้าโชคดีปัญหาตื่นสายปัญหาอ่อนเพลีย อาจจะหายไปจากชีวิตท่านก็เลยนะครับ
          ฉะนั้นเราไปลองไปดูทั้ง 9 สุดยอดเทคนิคที่ผมนำมาฝากกันเลย!

 

ข้อที่ 1 Ease Into It.
 
          เทคนิคข้อแรกคือ Ease Into it. หรือที่แปลว่า
ทำให้มันง่าย ๆ ไม่ต้องไปซีเรียสกับมัน โดยให้ท่านค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตื่นนอนอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปหักดิบนะครับ
          เพราะนั่นอาจจะส่งร้ายต่อร่างกายเอาได้ ซึ่งท่านอาจจะตื่นเร็วขึ้นวันละ 5-10 นาทีทุก ๆ วัน เพื่อให้ท่านตื่นเช้าขึ้นอย่างเรื่อย ๆ จนร่างกายปรับตัวได้และไม่มีอาการอ่อนเพลีย หรืออาจจะกำหนดวันที่ตื่นเช้าภายในสัปดาห์ เช่น แรก ๆ อาจจะตั้งเวลาในการตื่นเช้าสัก 2 วัน พอร่างกายเริ่มปรับตัว ก็เพิ่มเป็น 3 วัน 4 วัน 5 วัน ตามลำดับ เทคนิคนี้จะช่วยให้ร่างกายของท่านเกิดความเคยชินและหมดปัญหาอ่อนเพลียไปในที่สุดนั่นเองครับ
 

ข้อที่ 2 Set Your Intentions the Night Before.
 
          Set Your Intentions the Night Before. หมายความว่า 
ให้ท่านตั้งเป้าหมายในตอนกลางคืนว่า ตอนเช้าท่านจะทำอะไร?
          ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นเหมือนการสะกดจิตตัวเองทางอ้อมครับ แต่ถามว่าได้ผลแค่ไหน? ส่วนตัวผมคิดว่าได้ผลดีเลยทีเดียว เพราะเมื่อไหร่ที่เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ท่านก็รู้สึกว่าอยากจะตื่นขึ้นมาทำตามแผนที่วางไว้ในเวลากลางคืนไม่ว่าจะเป็นการตื่นขึ้นมาตอนเช้าไปออกกำลังกาย การตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมอาหารให้ลูก
การตื่นขึ้นมาเพื่อไปพบคนรัก ฯลฯ
 
     
     โดยสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านตั้งเป้าหมายนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่ชอบ เพื่อให้ท่านมีแรงผลักดันที่จะตื่นขึ้นมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักยังไงล่ะครับ

 ข้อที่ 3 Set Out Everything the Night Before. 
 
          เทคนิคในข้อที่ 3 นี้ อาจจะคล้าย ๆ กับข้อที่สองสักหน่อย แต่ไม่เหมือนกันครับ เพราะ Set Out Everything the Night Before.
หมายความว่าท่านเตรียมทุกอย่างตั้งแต่กลางคืน เพื่อสิ่งที่ท่านอยากจะทำในตอนเช้า เช่น ท่านอยากจะไปวิ่ง ก็จะต้องเตรียมรองเท้า ถุงเท้า เสื้อ กางเกง ให้พร้อม เพื่อที่จะได้ตื่นมาแล้วลุกออกไปวิ่งได้เลยในทันที หรือถ้าท่านต้องการจะเคลียร์งานในตอนเช้า ท่านก็อาจจะต้องจัดเตรียมมุมทำงานให้พร้อมทำงานตั้งแต่ตอนกลางคืน เพื่อที่เข้ามาจะได้เริ่มทำงานได้ทันที ไม่เสียเวลาจัดโต๊ะใหม่ ซึ่งหัวใจหลักของเทคนิคข้อที่ 3 นี้คือ การเตรียมสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ในเวลากลางคืน เพื่อให้ในตอนเช้าไม่ยุ่งยาก พร้อมที่จะตื่นและทำในสิ่งที่ต้องการได้เลยในทันที ไม่มีสะดุดให้เสียอารมณ์
 

ข้อที่ 4 Set On Earlier Bedtime And Keep It Everyday.
 

          เทคนิคข้อที่ 4 นี้ หลาย ๆ คนน่าจะพอทราบกันมาบ้างแล้วนั่นก็คือ เข้านอนให้เร็วและตรงเวลา และนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ท่านนอนไม่เพียงพอ มันจะส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย เช่น น้ำหนักขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง หงุดหงิด อารมณ์ไม่คงที่ อ่อนเพลียเรื้อรัง ฯลฯ จึงมีคำกล่าวที่ ว่า Without Enough Sleep คือ เมื่อท่านปราศจากการนอนให้เพียงพอ You Will Not Always Be Excited When You Wake Up, ท่านก็จะไม่สดชื่นสม่ำเสมอตลอดเวลา
          เมื่อท่านตื่นขึ้นมา ถึงแม้ว่าท่านจะพยายามทำยังไงก็ตามแต่ ฉะนั้นพยายามนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ นอนหลับให้ถึง 7-8 ชั่วโมง เพื่อสุขภาพของตัวท่านเองในอนาคต


ข้อที่ 5 Get Quality Sleep.
 
          ท่านเคยเป็นไหมครับ นอนตั้งแต่หัวค่ำแต่ตื่นเช้ามายังไงก็ง่วงอยู่ ซึ่งที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าการนอนของท่าน
‘ไม่มีคุณภาพ’ ต่อให้จะนอนหลับนานแค่ไหนก็ตาม ร่างกายก็จะรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ดี
          ดังนั้นเทคนิคในข้อที่ 5 คือการ
"นอนหลับอย่างมีคุณภาพ” นั่นเองครับ โดยท่านอาจจะต้องปรับอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นสบาย ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนจนเกินไป ปิดโทรทัศน์ล่วงหน้าก่อนเข้านอน 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับแสงสีเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น
          อีกทั้งการนั่งสมาธิก่อนเข้านอน ก็จะช่วยให้จิตใจของท่านนั้นเตรียมพร้อมที่จะพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ๆ จนส่งผลให้นอนหลับไม่สนิท ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดการนอนที่มีคุณภาพนั้นเองครับ
 

ข้อที่ 6 optimize Your Alarms.
 
          เทคนิคในข้อนี้หลาย ๆ คนมักจะทำผิดไป!
เพราะการตั้งนาฬิกาปลุกที่ดีอย่างมีชั้นเชิงนั้นจะต้อง ‘ตั้งให้ตรงเวลากับที่ท่านต้องการตื่น' อย่าตั้งเพื่อปิดไว้ขอนอนอีกนิดหนึ่งนะ! เพราะนั่นอาจจะทำให้ร่างกายของท่านอ่อนเพลียหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นตั้งทีเดียวให้จบ! หรือถ้ากลัวว่าตัวท่านเองจะละเมอขึ้นมากดปิด ท่านก็อาจจะวางนาฬิกาปลูกไว้ให้ไกลตัวสักหน่อย เพื่อที่ถึงเวลาตื่นจะได้จำใจลุกไปปิดเสียงไม่ต้องลีลาขอนอนต่อ และขอแถมอีกหน่อยครับ สำหรับการตั้งเสียงนาฬิกาปลุกนั้น ขอให้เป็นเสียงที่นุ่มนวลแล้วก็เริ่มจากเบาจนไปดังนะครับ เพราะว่าถ้าท่านอื่นด้วยเสียงที่นุ่มนวลจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น ต่างจากเสียงนาฬิกาปลุกแบบโฮกฮากที่อาจจะทำให้ท่านนั้นตกใจตื่น จนเช้าวันนั้นกลายเป็นวันที่ไม่สดใสเอาได้

 

 ข้อที่ 7 Train Yourself to Smile When You Wake Up. 
 
          หมายความว่า
หลังจากที่ท่านตื่นนอนมาแล้วให้ยิ้มทุกครั้ง! แม้ว่ามันจะฟังดูแปลก ๆ สักหน่อย แต่สำหรับผมเทคนิคนี้ถือว่าได้ผลมากทีเดียวครับ เพราะให้ท่านลองคิดเล่น ๆ ดูว่า ถ้าตื่นมาพร้อมกับใบหน้าที่
บึ้งตึงในวันนั้น คงจะไม่ใช่วันที่ดีแน่ ๆ เพราะแค่รอยยิ้มที่ทำง่าย ๆ ท่านยังไม่สามารถทำได้เลย แต่กลับกัน
          ถ้าท่านตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส และเชื่อมั่นว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดี ทุก ๆ อย่างรอบตัวมันก็จะดู Happy ขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะครับ


ข้อที่ 8 Drink A Glass of Water.
 
          เทคนิคข้อที่ 8 คือ
เมื่อไหร่ที่ท่านตื่นนอนมา ให้ท่านดื่มน้ำทันทีหนึ่งแก้ว เพื่อสร้างความสดชื่นให้กับร่างกาย เพราะช่วงเวลาที่ท่านนอนหลับอยู่นั้น ร่างกายไม่ได้รับน้ำจนเกิดสภาวะขาดน้ำไปชั่วขณะส่งผลให้ตื่นมาท่านมีอาการมึน ๆ งง ๆ
          ซึ่งการดื่มน้ำนี่แหละครับ จะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายตื่นตัวได้เป็นอย่างดี และถ้าถามผมว่าน้ำนี่ต้องเป็นน้ำแร่ไหม? น้ำผสมวิตามินหรือเปล่า?
          ผมขอตอบได้เลยว่าไม่จำเป็นครับ เป็นน้ำอะไรก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นน้ำเปล่าก็จะดีต่อร่างกายในยามเช้ามากที่สุด อีกทั้งเมื่อดื่มน้ำเสร็จแล้วให้ท่านเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน โดยกลิ่นและรสสัมผัสของยาสีฟันจะช่วยทำให้ท่านนั้นรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

 

 ข้อที่ 9 Get Out of Your Bed As Soon As Possible. 
 
          มาถึงข้อเทคนิคข้อสุดท้ายนั่นก็คือ
ให้ท่านลุกจากเตียงให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ คือลุกแล้วให้เดินออกจากห้องนอนไปเลยยิ่งดี
          เพื่อป้องกันการทิ้งตัวลงที่นอนอีกครั้ง เพราะเมื่อไหร่ที่ท่านล้มตัวลงนอนเป็นครั้งที่สอง ความรู้สึกลึก ๆ ของคนเราจะบอกว่าทำไมเตียงมันช่างอุ่น มันช่างนุ่มกว่าเดิมหลายเท่าตัวจังเลย ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหมนะ? และนั้นก็จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถพาตัวเองออกจากเตียงได้นั่นเอง ฉะนั้นเมื่อท่านได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกแล้ว ให้ลุกทันที่เหมือนหุ่นยนต์ หลังจากนั้นไปแปรงฟัน ล้างหน้าให้สดชื่น เพื่อปลุกให้ร่างกายตื่นจากภวังค์แห่งความง่วง
          จากข้อมูลที่ผมกล่าวไป คงจะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ที่กำลังประสบปัญหาในเรื่องของการตื่นนอนตอนเช้าได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งข้อสำคัญที่จะทำให้การตื่นนอนในตอนเช้าของท่านประสบความสำเร็จมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นความมีวินัยและจิตใจที่ตั้งมั่น
ลุกคือลุก ไปโอ้เอ้ ไม่ลีลา ช่วงแรก ๆ มันอาจจะมีอาการอ่อนเพลียบ้าง หงุดหงิดบ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ ฉะนั้น ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ปรับค่อย ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมไปให้ร่างกาย
เคยชินจนติดเป็นนิสัย เพียงแค่นี้ปัญหาการตื่นมาแล้วอ่อนเพลียของท่านก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ และท่านก็จะได้พบกับเช้าวันใหม่ที่แสนสดใสอย่างแน่นอนครับ

               
นอนหลับให้สนิทแล้วชีวิตจะยืนยาว ถ้าให้เลือกทำเพียง 1 อย่างเพื่อแลกสุขภาพที่ดี ‘การนอน’ เป็นสิ่งแรกที่ผมจะเลือก เพราะการนอนที่ถูกวิธีและดีเยี่ยม จะทำให้ร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นฟูจากความเหนื่อยทั้งวันซึ่งเวลาที่เพอร์เฟกต์คือ เข้านอน 4 ทุ่มและตื่นตี 5-6 โมงเช้าในทุกวัน แล้วทุกฮอร์โมนในร่างกายจะหลั่งออกมาอย่างเหมาะสม ไม่เชื่อก็ลองดูได้เลย

 
credit อายุ 100 ปี ง่ายแค่นี้เอง!
นพ. นันทพล พงศ์รัตนามาน
  

COPYRIGHT©2024 SIAMPILL ALL RIGHTS RESERVED.