8 ช่วงเวลาสำคัญ ที่จะทำให้การดื่มน้ำ มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เป็นที่รู้กันดีครับว่า น้ำ คือสิ่งที่ร่างกายต้องการมากที่สุดต่อวันยิ่งดื่มมากผิวยิ่งใส ยิ่งดื่มมากยิ่งขับสารพิษออกจากร่างกายยิ่งดื่มมากยิ่ง ช่วยให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เรียกได้ว่ามีแต่ได้กับได้จริงๆ ครับ สำหรับการดื่มน้ำ แต่ท่านเคยสงสัยบ้างไหมครับว่า ดื่มน้ำตอนไหน ที่จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด ซึ่งถ้าท่านมีคำถามนี้ในหัวอยู่ก็สบายใจได้เลยครับ เพราะวันนี้ผมหมอท็อปจะมาบอกถึง 8 ช่วงเวลา สำคัญที่ท่านควรจะดื่มน้ำมาฝากรับรองเลยครับว่าถ้าท่านนำข้อมูลที่ผม กำลังจะกล่าวต่อไปนี้ไปปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมันจะช่วยทำให้ร่างกายของท่านสดชื่นและแข็งแรงขึ้นจากการดื่มน้ำได้อย่างแน่นอน!
ช่วงเวลาที่ 1 หลังตื่นนอน
ช่วงเวลาที่ 1 จะเป็นช่วงไหนไปไม่ได้เลยครับนอกจากช่วงตื่นนอนตอนเช้า เพราะตลอดเวลาที่ท่านหลับยาวนานกว่า 6-8 ชั่วโมง ร่างกายของท่าน ไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ส่งผลให้มีอาการมึนๆ งงๆ เวียนหัว ทั้งที่ก็นอนเต็มอิ่มแล้วแท้ๆ ซึ่งที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าร่างกายเกิดสภาวะขาดน้ำอย่างหนักนั่นเองครับ ดังนั้นผมขอแนะนำว่าหลังจากตื่นนอนให้ท่านดื่มน้ำสัก 1 แก้วหรือประมาณ 200 cc. เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำและสร้างความสดชื่นไปพร้อมๆ กันครับ
อีกเคล็ดลับคือ การดื่มน้ำแก้วแรกของวัน ท่านไม่ต้องแปรงฟันนะครับดื่มน้ำทั้งๆ ที่ปากยังเหม็นนั่นแหละ เพราะแบคทีเรียในช่องปากจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของท่านดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย
ช่วงเวลาที่ 2 ขณะ/หลังออกกำลังกาย
การดื่มน้ำหลังช่วงออกกำลังนี้ ไม่ใช่ว่าจะดื่มทีเดียวหมดขวดนะครับ เพราะถ้าดื่มแบบนั้นรับรองว่ามีอาการจุกเสียดแน่ๆ แต่เป็นเพียงแค่การจิบน้ำตลอดการออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดสภาวะขาดน้ำนั่นเองครับ จิบเพียงเล็กน้อย พอชุ่มคอ ไม่ต้องรอให้กระหาย ซึ่งถ้าท่านทำแบบนี้เป็นประจำ การออกกำลังกายของท่านจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเดิม อีกทั้งอาการหน้ามืดจะเป็นลม ล้มวูบ ก็มีโอกาสเกิดได้น้อยมากๆ
ช่วงเวลาที่ 3 ครึ่งชั่วโมงก่อนรับประทานอาหาร
มาต่อกันที่ช่วงเวลาที่ 3 นั่นก็คือ ครึ่งชั่วโมงก่อนรับประทานอาหารครับ ซึ่งการดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารสักครึ่งชั่วโมงจะเป็นการกระตุ้นเตือนร่างกายว่า เราจะกำลังจะรับประทานอาหารเข้าไปแล้วนะ! เพื่อให้ระบบย่อยอาหารเตรียมพร้อมการทำงานและสามารถย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารจะช่วยให้ท่านมีความอยากอาหารที่น้อยลง หรือเรียกง่ายๆ ว่าอิ่มน้ำ นั่นเองครับ แต่ไม่ใช่ดื่มซะจนอิ่มนะครับ เอาแค่พอดีๆ วิธีนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่กลุ่มคนลดน้ำหนักมักใช้กันอยู่เป็นประจำ
ช่วงเวลาที่ 4 ก่อนอาบน้ำ
ช่วงเวลาที่ 4 ที่แนะนำสำหรับการดื่มน้ำก็คือก่อนอาบน้ำครับ ถามว่าทำไมจะต้องดื่มน้ำก่อนอาบน้ำ มันจะต้องพิธีรีตองอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ? คือต้องบอกอย่างนี้ครับ ทริกการดื่มน้ำในช่วงเวลานี้จะเหมาะมากกับผู้ที่ชอบอาบน้ำร้อนเป็นชีวิตจิตใจ เพราะเมื่อไรที่ร่างกายของคนเราโดนน้ำร้อน เลือดก็จะไหลเวียนไปที่ผิวหนังเยอะและส่งผลทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะความดันตกได้ เรียกได้ว่าอันตรายมากๆ เลยล่ะครับ ฉะนั้นการดื่มน้ำก่อนอาบน้ำก็จะช่วยลดการเกิดอาการความดันตกได้เป็นอย่างดี และปัญหาหน้ามืดหลังอาบน้ำเสร็จก็จะไม่เกิดขึ้นอีกด้วยครับ
ช่วงเวลาที่ 5 ก่อนเข้านอน
ในช่วงเวลาที่ 5 ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่า อย่าดื่มน้ำเยอะเป็นอันขาด เอาแค่ 1 แก้วก็พอ เพราะเมื่อไรที่ท่านดื่มน้ำก่อนนอนในปริมาณที่มาก ผมรับประกันเลยครับว่าคืนนั้นท่านจะนอนไม่เต็มอิ่มอย่างแน่นอน ต้องลุกไปเข้า ห้องน้ำตลอดคืน ซึ่งถ้าถามว่าทำไมต้องดื่มน้ำก่อนนอนล่ะ
ไม่กลัวปวดปัสสาวะตอนกลางคืนหรือยังไง? ซึ่งที่ผมแนะนำให้ดื่มน้ำก่อนนอนนั้นก็เพราะว่า ป้องกันการเกิดสภาวะร่างกายขาดน้ำในขณะที่นอนหลับ นั่นเองครับ แต่ถ้าท่านดื่ม 1 แก้วแล้วต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนผมแนะนำ ลดลงเหลือครึ่งแก้วก็โอเคเลยครับ
ช่วงเวลาที่ 6 ดื่มน้ำเมื่อท่านรู้สึกว่าเป็นไข้ ไม่สบาย
ช่วงเวลาที่ควรดื่มน้ำช่วงที่ 6 คือ เมื่อไรที่ท่านรู้สึกว่ากำลัง จะไม่สบาย มีไข้ ให้ท่านรีบดื่มน้ำไปเยอะๆ เลยครับ การดื่มน้ำจะทำให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอต่อระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ คนที่ขาดน้ำเวลาเป็นไข้ก็จะเป็นหนักกว่าผู้คนทั่วไป รู้สึกเวียนหัวมากกว่าปกติ ไข้ก็หายช้า อ่อนเพลีย รู้สึกกระหายน้ำ เพราะอุณหภูมิในร่างกายสูงทำให้ต้องการน้ำมากกว่าปกติ และท่านลองคิดดูว่าถ้าท่านดื่มน้ำไม่มากพอร่างกายภายในจะร้อน สักแค่ไหน อีกทั้งการดื่มน้ำมากๆ จะช่วยขับความร้อนออกจากร่างกายทางปัสสาวะได้อีกด้วย แต่ไม่ต้องกระดกทีเดียวหมดขวดนะครับ เอาแค่จิบๆ ตลอด วันก็เพียงพอแล้วครับ
ช่วงเวลาที่ 7 ดื่มน้ำเมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย
ถ้าใครกำลังรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่สดชื่นอยู่ล่ะก็ ลองหาน้ำเย็นๆ มาดื่มดูครับ รับรองว่าอาการต่างๆ มันจะดีขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์เลยทีเดียว! ซึ่งที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าร่างกายของท่านอาจจะมีสภาวะขาดน้ำครับ ส่งผลให้มีอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย เหนื่อย เบื่อ ไม่อยากจะทำอะไร ดังนั้นลองหาน้ำมาดื่มดูครับรับรองดีขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งปริมาณที่ร่างกายของคนเราต้องการน้ำต่อวันคือ 2 ลิตร ถ้าท่านดื่มน้อยกว่านั้นก็อาจจะส่งผลให้ท่านมีอาการอย่างที่ผมกล่าวไปข้างต้นได้ครับ
ช่วงเวลาที่ 8 คือช่วงที่ท่านต้องไปอยู่บริเวณที่มีผู้ป่วยเยอะๆ รอบตัว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ! ว่าเมื่อไหร่ที่ท่านต้องเยี่ยมผู้ป่วยตามโรงพยาบาล หรือไปนอนเฝ้าไข้ ให้ท่านรู้ไว้เลยครับว่า การดื่มน้ำจะกลายเป็นเกราะกำบังที่ดีของร่างกายท่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเมื่อท่านดื่มน้ำเข้าไปก็จะเป็นการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภายในร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นมากกว่าเดิม พอภูมิคุ้มกันดีเชื้อโรคต่างๆ ก็จะไม่มีโอกาสเข้าสู่ร่างกายของท่านนั่นเอง อีกทั้งการดื่มน้ำยังช่วยลดความเครียด ความอ่อนเพลียให้น้อยลงอีกด้วยครับ
แม้ว่าการดื่มน้ำจะสำคัญต่อสุขภาพมากสักแค่ไหน แต่ถ้าท่านดื่มในปริมาณที่มากเกินไปครั้งเดียวก็อาจจะส่งผลร้ายต่อร่างกายได้เช่นกันครับ ดังนั้น
ค่อยๆ จิบ ระหว่างวันไปเรื่อยๆ
จะช่วยให้การดื่มน้ำของท่านนั้น
มีประสิทธิภาพมากกว่า
ซึ่งจากข้อมูลที่ผมกล่าวไป คงจะช่วยให้ความสงสัยในใจของท่านได้ถูกคลี่คลายไปบ้างนะครับ แล้ววันหลัง ผมจะนำข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพมาฝากอีก รับรองเลยว่าท่านจะได้ทั้งสาระความรู้และความเพลิดเพลินควบคู่ไปอย่างแน่นอนครับผม!
credit อายุ 100 ปี ง่ายแค่นี้เอง!
นพ. นันทพล พงศ์รัตนามาน