กระเทียมประโยชน์มากมายที่อยู่ติดครัวไทยมานาน

กระเทียมประโยชน์มากมายที่อยู่ติดครัวไทยมานาน

กระเทียม

กระเทียม
            กระเทียมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum เป็นพืชกลุ่มเดียวกับหอม กระเทียมมีถิ่นกำเนิดในเอเชีย มีประวัติการใช้รักษาโรคมานานหลายพันปี และมีกล่าวไว้ในคัมภีร์อายุรเวทของอินเดีย ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่ากระเทียมมีสารออร์กาในซัลเฟอร์ซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีกลิ่นฉุน แต่มีคุณสมบัติในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดน้ำตาลในเลือดต้านการเหนี่ยวนำการเกิดมะเร็งจากสารเคมี กดการเจริญของเซลล์มะเร็ง จากรายงานการวิจัยกว่า 2,000 ชิ้นและการศึกษาเชิงระบาดวิทยาพบว่ากระเทียมลดคอเลสเตอรอล ได้เฉลี่ย 9-12%5 โดยยับยั้งเอนไซม์ที่สร้างคอเลสเตอรอล
            การทดลองในสัตว์พบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกระเทียมช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด และยังลดการเกิดไขมันอุดตันเส้นเลือดในกระต่าย
            ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกระเทียมช่วยลดการก่อตัวของแคลเซียมในเส้นเลือดของมนุษย์ที่มีคอเลสเตอรอลสูง
            การทดสอบทางคลินิกในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 50 คน พบว่ากระเทียมช่วยลดความดันโลหิตของผู้ป่วยได้ดีกว่ากลุ่มที่รับประทานยาหลอก
            ในแต่ละวันควรรับประทานกระเทียม 4 กลีบหรือ 4 กรัมจะสามารถลดความดันโลหิตได้ 5-8 มิลลิเมตรปรอท
            หากต้องการได้ฤทธิ์ที่ดีของกระเทียมโดยเลี่ยงกลิ่นที่รุนแรง ก็ทำได้โดยซื้อแคปซูลเจลาตินเปล่าตามร้านขายยา แล้วสับกระเทียมใส่ในแคปซูลรับประทาน 1-2 แคปซูล หลังรับประทานอาหารก็จะได้ฤทธิ์ของกระเทียมสดที่ทำวันต่อวัน ขอแนะนำให้ใช้กระเทียมกลีบเล็กเพราะจะมีสารมากกว่ากระเทียมกลีบใหญ่ เนื่องจากกระเทียมกลีบใหญ่มีแป้งเยอะ แต่มีข้อด้อยตรงที่กระเทียมสดจะระคายเคือง จะทำให้ปวดท้องได้ มีกลิ่นฉุน จึงควรรับประทานกระเทียมหลังอาหารทันที หากเป็นกระเทียมสกัดเย็นจะไม่มีกลิ่น ช่วยให้รับประทานง่าย ไม่ทำให้เกิดกลิ่นปาก และไม่ระคายเคือง ส่วนกระเทียมบดเป็นผงที่ผ่านการอบร้อนจะไม่มีคุณค่าเหลือแล้ว


ข้อควรระวัง
            ไม่ควรรับประทานกระเทียมขณะท้องว่าง เพราะจะทำให้ปวดท้อง
            กระเทียมมีฤทธิ์ร้อน หากเป็นไข้ ร้อนใน ควรงดกระเทียม เพราะจะทำให้ธาตุไฟกำเริบ
            ห้ามรับประทานกระเทียมพร้อมกับแอสไพริน เพราะจะทำให้เลือดไม่แข็งตัว

credit ดร.เริงฤทธิ์ สัปปพันธ์ซีลีเนียม

COPYRIGHT©2024 SIAMPILL ALL RIGHTS RESERVED.