ทำไมต้อง เลือก อาหารเสริม Gluten Free

ทำไมต้อง เลือก อาหารเสริม Gluten Free

ทำไมต้อง เลือก อาหารเสริม Gluten Free

   ที่เมืองไทยมีสินค้าจำพวกนี้จำหน่ายหรือไม่ ผู้เขียนไม่แน่ใจนะค่ะ แต่ถ้าไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตประเทศฝรั่ง เราจะพบเห็นผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลาก “Gluten Free” อยู่ทั่วไปค่ะ ผู้เขียนเคยดูรายการ SME ตีแตกค่ะ ตอน “ขนมขบคิด” ที่ผู้ประกอบการพยายามจะทำผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวให้ปลอด “กลูเต็น” ค่ะ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่แพ้ “กลูเต็น” จะเข้าใจว่าจะมีไม่น้อยที่ยังสงสัยว่า “กลูเต็น” คืออะไร ทำไม่หลายคนเวลาเลือกรับประทานอาหารต้องให้แน่ใจว่าเป็น Gluten Free เท่านั้นค่ะ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันนะค่ะ สำหรับคนที่ไม่แพ้กลูเต็นก็อ่านเป็นความรู้ได้ค่ะ
 
            กลูเต็น นั้นคือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบในข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์ค่ะ อาหารที่มีกลูเต็นจึงเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของแป้งสาลี และแป้งที่กล่าวมาค่ะ เช่น ขนมปัง เค้ก คุกกี้ และผลิตภัณฑ์เบเกอรีทั้งหลายแหล่ค่ะ เนื่องจากกลูเต็นมีคุณสมบัติเพิ่มความเหนียวและยืดหยุ่นในอาหาร มันจึงถูกนำไปเป็นส่วนประกอบในซอสปรุงรสต่าง ๆค่ะ อาหารแปรรูปหลากหลายอย่าง และแม้กระทั่งในเครื่องดื่มอย่างเบียร์บางชนิดค่ะ ก่อนบริโภคจึงควรตรวจสอบฉลากสักนิดค่ะ
 
คนที่มีปัญหาในการรับประทานกลูเต็นนั้นจะแยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
 
  • กลุ่มที่เป็นโรค Celiac Disease หรือโรคแพ้กลูเต็น ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองอย่างรุนแรงค่ะ ทันทีที่รับประทานกลูเต็นเข้าไป การตอบสนองดังกล่าวจะทำให้เยื่อบุผนังลำไส้ซึ่งทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารถูกทำลายค่ะ กลุ่มนี้แม้ไม่แสดงอาการให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแพ้กลูเต็นค่ะ แต่เป็นกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงกลูเต็นอย่างเด็ดขาดค่ะ เพราะในระยะยาว คนกลุ่มนี้อาจเผชิญกับภาวะทุพโภชนาการเนื่องจากเยื่อบุผนังลำไส้ถูกทำลายจนไม่สามารถทำให้ดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้ค่ะ
  • กลุ่มที่แพ้กลูเต็น หรือ Gluten Allergy ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันเช่นกันค่ะ แต่ไม่จำเป็นว่าคนกลุ่มนี้ต้องเป็น Celiac Disease ในคนกลุ่มนี้ค่ะ เมื่อรับประทานกลูเต็นเข้าไป มันจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮีสตามีนซึ่งเป็นสารที่ก่อปฏิกิริยาการแพ้ค่ะ เหมือนกรณีของคนที่แพ้อาหารทะเล แพ้ถั่วลิสงค่ะ หรือแพ้อาหารต่าง ๆ แล้วแสดงอาการ เช่น เป็นลมพิษ ผื่นขึ้น หอบหืดกำเริบ หายใจไม่ออก หรือปวดท้อง เป็นต้นค่ะ กลุ่มนี้ต้องระวังกลูเต็นเช่นกันค่ะ เพราะหากมีอาการแพ้รุนแรงจนช็อกอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ
 
  • กลุ่มที่มีปัญหาในการย่อยกลูเต็น หรือ Gluten Intolerance กลุ่มนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ภูมิคุ้มกันหากแต่เป็นเพราะร่างกายต่อต้านอาหารชนิดนั้นค่ะ ซึ่งแต่ละคนจะมีความไว (Sensitive) ต่ออาหารแต่ละอย่างแตกต่างกันไป เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะแสดงอาการต่าง ๆค่ะ เช่น ผื่นขึ้น ท้องอืด ปวดท้อง ปวดศีรษะ หรือ ไม่สบายตัวซึ่งอาการจะไม่รุนแรงเหมือน 2 กลุ่มแรกค่ะ
 
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใน  3 กลุ่มที่กล่าวมาจะเลือกไม่รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของกลูเต็นค่ะ เนื่องเพราะปัญหาสุขภาพทางกายค่ะ แต่ดูเหมือนอาหารกลูเต็นฟรีจะกลายเป็นกระแสที่กำลังได้รับความนิยมไปแล้วค่ะ เหมือนเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่มีการจุดประกายอาหาร Fat-Freeให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพค่ะ คนที่ไม่ได้มีปัญหาแพ้กลูเต็นก็หันมารับประทานอาหารกลูเต็นฟรีกันเป็นแถวค่ะ เพราะมองว่าดีต่อสุขภาพกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ แถมอาหารกลูเต็นฟรีบางอย่างยังอาจก่อให้เกิดโรคอ้วนได้ค่ะ เนื่องจากต้องมีการเพิ่มไขมันและน้ำตาลมากขึ้นเพื่อช่วยปรุงแต่งรสอาหารค่ะ
 
 
กลูเต็นอาจจะมีคุณสมบัติกระตุ้นการอักเสบค่ะ คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพกายสมควรเลี่ยงค่ะ แต่ถ้าไม่ได้แพ้หรือไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็รับประทานไปเถอะค่ะในมุมมองของนักโภชนาการค่ะ ไม่มีอาหารใดดีหรือเลว สิ่งที่ควรทำคือรับประทานอาหารให้สมดุล อย่าให้มากหรือน้อยเกินไปค่ะ แต่ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองแพ้กลูเต็นหรือไม่ อาจทดสอบง่าย ๆ ด้วยการเลี่ยงรับประทานอาหารกลูเต็นสัก 2-4 สัปดาห์ ค่ะ หลังจากนั้นลองกลับมารับประทานอาหารปกติที่มีกลูเต็นค่ะ แล้วเปรียบเทียบความแตกต่างดูค่ะ หรือจะใช้อีกวิธี คือ การตรวจเลือดหาระดับแอนตี้บอดี้บางตัวค่ะ และการเอาตัวอย่างเนื้อเยื่อลำไส้ไปตรวจก็พบว่าเราเป็นโรค Celiac Disease หรือไม่ หลังจากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะเลือกรับประทานอย่างไร กลูเต็นฟรีหรือไม่ฟรีมีผลต่อสุขภาพแน่นอนค่ะ


credit หนังสือ THE FIRST WEALTH IS HEALTH กินดีอยู่ดี  
ผู้เขียน วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์ ผู้ให้สาระ และ ความรู้ที่น่าสนใจ

credit  http://www.healtyskin.com

 

COPYRIGHT©2024 SIAMPILL ALL RIGHTS RESERVED.