ธาตุสังกะสี เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน หมดปัญหาผมร่วง

ธาตุสังกะสี เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน หมดปัญหาผมร่วง

ธาตุสังกะสี

ประโยชน์ของสังกะสี
  • ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและเอนไซม์ต่างๆ สังกะสีจำเป็นต่อโครงสร้างและการทำงานของเอนไซม์กว่า 300 ตัว เอนไซม์ที่มีสังกะสีประกอบเช่า  Alcohol dehydrogenase, Carbonic anhydrase และ Carboxypeptidase จึงมีความสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตและพัฒนาการในเด็ก
  • ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันและลดการติดเชื้อทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
  • ช่วยในการทำงานของอินซูลิน และป้องกันการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระซึ่งมีมากในผู้ป่วยเบาหวาน
  • บรรเทาอาการหวัด ช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้น
  • จำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง ผม เล็บ
  • ช่วยสมานแผล รักษาแผล
  • ต้านอนุมูลอิสระ
  • ต้านการอักเสบ
  • ลดความดันโลหิตสูง หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ
  • กระตุ้นการสร้างเนื้อกระดูก ลดการสลายของกระดูก
  • กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก ได้ใช้สังกะสีและเหล็กเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้แก่ทารกอายุ 3-6 เดือน เพื่อป้องกันโรคท้องร่วงและโลหิตจาง
สังกะสีกับหวัด
            การศึกษาเชิงระบาดวิทยากับประชากรกลุ่มใหญ่ พบว่าสังกะสีลดความรุนแรงของหวัด ช่วยให้หายจากหวัดเร็วขึ้น
สังกะสีรักษาสิวได้จริงหรือ
            มีข้อความกล่าวอ้างว่าสังกะสีช่วยรักษาสมดุลของปริมาณไขมันในผิวหนัง จึงช่วยลดการอุดตันของไขมันที่เป็นสาเหตุของสิว ทำให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโฆษณาว่าการรับประทานสังกะสีปริมาณมากช่วยป้องกันการเกิดสิว แต่จากรายงานการวิจัยทางการแพทย์พบว่าการรักษาสิวด้วยสังกะสีไม่มีประสิทธิภาพ วารสารทางสมาคมแพทย์ผิวหนังของสหรัฐอเมริกาไม่ได้จัดให้การใช้สังกะสีเป็นวิธีมาตรฐานในการรักษาสิว และแพทย์ผิวหนังทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศก็ไม่ได้สั่งจ่ายสังกะสีเป็นยารักษาสิวเนื่องจากต้องใช้สังกะสีในปริมาณสูงถึง 30 มิลลิกรัมต่อวัน และยังให้ผลไม่ชัดเจน
สังกะสีเสริมสมรรถภาพทางเพศได้หรือ
            จากประโยชน์ที่ว่าสังกะสีช่วยสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ในน้ำอสุจิมีสังกะสีอยู่มาก อีกทั้งสังกะสีจำเป็นต่อการทำงานของต่อมลูกหมาก และการเจริญของการทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์ แต่ยังไม่มีงานวิจัยรับรองว่าสังกะสีช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ และจากการที่พบว่าในหอยนางรมมีสังกะสีมาก ผู้ที่ต้องการเสริมสมรรถภาพทางเพศจึงนิยมรับประทานหอยนางรมมากอาจทำให้เกิดคอเลสเตอรอลสูงได้ กลับกลายเป็นว่าทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี เสื่อมสมรรถภาพแทน
แหล่งของสังกะสี
     
แหล่งของสังกะสี ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ ตับ อาหารทะเลโดยเฉพาะหอยนางรม เนยแข็ง ข้าวสาลี งา อัลฟัลฟา ถั่ว ธัญพืชทั้งเมล็ด (Whole grains) เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวันในพืชจะมีสังกะสีน้อย หากธัญพืซมีการขัดสี ด้วยแล้วสังกะสีจะหมดไป สังกะสีจากสัตว์จะมีมากและดูดซึมง่ายกว่าในพืชเพราะกรดอะมิโนจากการย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ช่วยในการดูดซึมสังกะสีได้ดีขึ้น และในพืชจะมีสารไฟเตตซึ่งจะยับยั้งการดูดซึมสังกะสีในลำไส้ ส่งผลให้เด็กในประเทศอียิปต์มีร่างกายแคระแกร็น
 
 
ตารางแสดงปริมาณสังกะสีในอาหาร
อาหาร ปริมาณสังกะสี (มิลลิกรัม)
น้ำนมถั่วเหลืองครึ่งถ้วย 0.3
ต้าหู้แข็งครึ่งถ้วย 1.0
ถั่วแดงสุกครึ่งถ้วย 0.9
งา 2 ช้อนโต๊ะ 1.4
ถั่วลันเตาสุกครึ่งถ้วย 1.0
ไข่ฟองใหญ่ 50 กรัม 0.5
โยเกิร์ตครึ่งถ้วย 125 กรัม 0.8-1.2
เนื้อสัตว์ อาหารทะเล 100 กรัม 1.5-4
หอยนางรม 100 กรัม 75
ตับ 100 กรัม 4
ธัญพืช 100 พรัม 0.4-1
 
ปริมาณรับประทาน
            ปริมาณความต้องการสั่งกะสีของแต่ละคนจะแตกต่างกันตามเพศ อายุ และภาวะของร่างกาย ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดปริมาณสังกะสี ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันไว้ดังตารางด้านล่าง
 
ตารางแสดงปริมาณสังกะสีที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
อายุ ปริมาณสังกะสีที่ร่างกายต้องการ (มิลลิกรัม/วัน)
น้อยกว่า 1 ปี 3-5
1-10 ปี 10
11 ปีขึ้นไป 15
สตรีมีครรภ์ 20-25
สตรีให้นมบุตร 25-30
 
การดูดซึมสังกะสี
            สังกะสีในรูปของออกไซด์ (Zinc oxide) และคาร์บอเนต (Zinc carbonate)ละลายยากและดูดซึมไม่ดี สังกะสีในรูปกลูโคเนต (Zinc gluconate) เป็นรูปที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพิ่งมีการค้นพบไม่กี่ปีมานี้ว่าสังกะสีในรูปไกลซิเนต (Zinc glycinate) ร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุด จึงเหมาะที่จะใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

 
ตารางแสดงหน้าที่ของสารอาหารที่มีผลเกี่ยวข้องกับการออกกำลังกาย
สารอาหาร หน้าที่ อาการเมื่อขาด
วิตามินบี 1 สลายคาร์โบไฮเดรตและกรดอะมิโน อ่อนแรง น้ำหนักลด
วิตามิน บี2 กระบวนการสันดาปให้เกิดพลังงาน ผิวหนัง ประสาท เยื่อเมือกปกติ
ไนอะซีน กระบวนการสันดาปให้เกิดพลังงาน ระคายเคือง ท้องร่วง
วิตามินบี 6 การสร้างน้ำตาล ผิวเป็นผื่นแดง ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้
วิตามินบี 12 สร้างเม็ดเลือดแดง โลหิตจาง ระบบประสาทผิดปกติ
กรดโฟลิก การสร้างฮีใมโกลบินในเม็กเลือดเดง
และสร้างสารพันธุกรรม
โลหิตจาง ล้า อ่อนแรง
วิตามินซี ต้านอนุมูลอิสระ ล้า ไม่อยากอาหาร
วิตามินเอ ต้านอนุมูลอิสระ ไม่อยากอาหาร ติดเชื้อ
วิตามินอี ต้านอนุมูลอิสระ ประสาทและหล้ามเนื้อถูกทำลาย
แมกนีเซียม กระบวนการวร้างพลังงาน การนำกระแส กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้ ระคายเคือง
เหล็ก การสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง โลหิตจาง ความจำเสื่อม ภูมิคุมกันผิดปกติ
สังกะสี สร้างสารพันธุกรรม สลายน้ำตาล กำจัดคาร์บอนไดออกไซค์ ไม่อยากอาหาร พัฒนาการเจริญเติบโตต่ำ ภูมิคุ้มกันผิดปกติ
โครเมียน สันดาปน้ำตาล ไม่ทนต่อนน้ำตาล
 
 

การขาดสังกะสี
            การขาดสังกะสีพบได้ในเด็กทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาการขาดสังกะสีมีผลต่อการผลิตน้ำนมของแม่
            ไม่ควรรับประทานสั่งกะสีพร้อมกับแคลเซียม เหล็ก ทองแดง แมงกานีสเพราะจะขัดขวางการดูดซึม

ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณสังกะสีไม่เพียงพอ ได้แก่
  1. การรับประทานอาหารที่มีปริมาณสังกะสีต่ำ
  2. การรับประทานทองแดงเสริมมากเกินไป เพราะทองแดงจะลดการดูดซึมสังกะสี
  3.  ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชมากจะได้รับไฟเตตซึ่งเป็นสารที่พบมากในผักและธัญพืช จะลดการดูดซึมสังกะสี ดังนั้นผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติจะมีสังกะสีต่ำเนื่องจากดูดซึมได้ไม่ดี ดังนั้นอาจรับประทานสังกะสีเสริม
  4. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะลดการดูดซึมสังกะสี
  5. อายุที่มากขึ้นส่งผลให้ประสิทธิภาพการดูดซึมสังกะสีลดลง
  6. ผู้ที่อยู่ในระยะตั้งครรภ์ต้องการสังกะสีมากเป็นพิเศษ
  7. การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นเวลานาน
  8. โรคต่าง ๆ ที่ต้องการธาตุสังกะสีมากเป็นพิเศษ เช่น การติดเชื้อ เรื้อรัง ผิวหนังอักเสบ (Psoriasis) ตับแข็ง (Cirthosis) โรคพันธุกรรมในเด็กเล็ก (Acrodermatitis enteropathica) โรคผิวหนังอักเสบ ผู้ป่วยโรคตับ ไต เบาหวาน จะดูดซึมสังกะสีต่ำ
 
อาการเมื่อขาดสังกะสีเป็นเวลานาน
  1. การเจริญเติบโตของร่างกายล่าช้าในเด็ก ทำให้เด็กตัวเล็ก
  2. อวัยวะเพศเด็กไม่โตขึ้นตามวัย
  3. ผิวหนังมีการอักเสบเป็นผื่นแดง ระยะแรกจะเป็นรอบปากและอวัยวะเพศ ต่อมาจะลามไปที่แขนขา และพุพอง
  4. การรู้รสลดน้อยลง เบื่ออาหาร
  5. ผมร่วง ผมแห้งแตกปลาย เล็บเปราะ เป็นจุดขาว ผิวแห้ง
  6. ตาฟางหรือตาบอดกลางคืนเหมือนกับการขาดวิตามินเอ เพราะสังกะสีมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนในรงควัตถุที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น
  7. แผลหายช้า
  8. ภูมิต้านทานลด
  9. เมื่อสังกะสีในร่างกายมีระดับต่ำจะส่งผลต่อความดันโลหิตสูง เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ เบาหวาน อินซูลิน
โทษของการได้รับสังกะสีมากเกินไป
            ในกรณีที่บริโภคมากกว่าวันละ 100 มิลลิกรัมเป็นเวลานานจะมีผล เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
            หากร่างกายได้รับสั่งกะสีเกินกว่า 200 มิลลิกรัมจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
            การได้รับสังกะสีในปริมาณสูงเกินกว่า 1.5 เท่าของปริมาณที่แนะนำติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดทองแดงเพราะสังกะสีลดการดูดซึมเหล็กและทองแดง0
            การรับประทานสังกะสีมากเกิน 325-650 มิลลิกรัม ก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เกร็งกล้ามเนื้อท้อง ปวดเกร็ง ท้องร่วง หากสตรีมีครรภ์ได้รับมากเกินไปจะทำให้ทารกพิการหรือเสียชีวิต.2 หากได้รับปริมาณสูงกว่า4 กรัม อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
            ไม่ควรรับประทานเกิน 20 มิลลิกรัมต่อวัน หน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกากำหนดค่าสูงสุดของการได้รับสังกะสีไว้ที่ 40 มิลลิกรัมต่อวัน

credit ดร.เริงฤทธิ์ สัปปพันธ์ซีลีเนียม

COPYRIGHT©2024 SIAMPILL ALL RIGHTS RESERVED.